สัมภาษณ์อย่างไรจึงได้งานและได้ทุน

สุดยอดยุทธวิธีในการสัมภาษณ์งานหรือสอบชิงทุนการศึกษาให้ประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวในภาพรวมภายนอก การเตรียมตัวในรายละเอียดระหว่างการสัมภาษณ์ และการพูดโน้มน้าวจิตใจคนฟัง

1. การเตรียมตัวในภาพรวมภายนอก

1. การแต่งกาย

แต่งกายให้ถูกต้องตามกาละเทศะทั้งเสื้อผ้าและทรงผม แต่งออกมาแล้วต้องดูดี ดูน่าเชื่อถือ เหมาะสมกับสายงานหรือองค์กรที่เราสมัคร เช่น ถ้าสมัครงานเป็นครีเอทีฟ ควรแต่งตัวให้ดูทันสมัย หรือสมัครงานบริษัทเอกชนใหญ่ ๆ ควรแต่งตัวให้ดูดี มีระดับ เป็นต้น ดังนั้น การแต่งกายใด ๆ ก็ตามไม่ใช่แค่แต่งตัวให้เรียบร้อยเท่านั้น แต่ควรพิจารณาความเหมาะสมตามกาละเทศะด้วย

2. บุคลิกภาพ

บุคลิกภาพที่ดีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้สัมภาษณ์จะต้องมีความรู้เนื้อรู้ตัวอยู่เสมอ และหัดพูดทีละคำฟังทีละเสียงเพราะการพูดทีละคำจะเป็นการสร้างสมาธิทำให้จิตใจจดจ่อกับสิ่งที่เรากำลังพูด และการฟังทีละเสียงจะเป็นการใช้สติกำกับน้ำเสียง การแสดงอารมณ์ และความชัดเจนของเนื้อหาที่เราพูด เมื่อได้ยินเสียงเราจึงจะสามารถปรับคำพูดให้ออกมางดงาม ชัดถ้อยชัดคำ และถูกต้องตามกาละเทศะได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนั้น เมื่อเราเข้าใจอารมณ์ของตัวเองแล้วจะทำให้เราเข้าใจอารมณ์ของผู้สัมภาษณ์ได้ว่า อีกฝ่ายถามคำถามนี้เพื่ออะไรและเราควรตอบกลับไปเช่นไร เป็นต้น

3. เตรียมบทพูด

ควรตระเตรียมไปก่อนว่าผู้สัมภาษณ์จะถามอะไรเราบ้าง และในการตอบไม่ควรตอบแบบบรรยายโวหาร แต่ควรตอบอย่างมีเหตุมีผล มีหลักการ ฟังแล้วน่าสนใจ น่าติดตาม และต้องชี้ให้เห็นว่าประวัติการศึกษาหรือหน้าที่การงานของเรา มีความเชื่อมโยงและเอื้อประโยชน์ต่อตำแหน่งหรือองค์กรที่เราสมัครอย่างไร และตัวเรามีความเหมาะสมอย่างไรที่จะรับทุนหรือตำแหน่งดังกล่าวด้วย ดังนั้น เราจึงควรศึกษาเกี่ยวกับทุนหรือตำแหน่งที่เราสมัครก่อนว่าเป็นตำแหน่งอะไร รับผิดชอบในเรื่องอะไร และเขาต้องการบุคคลประเภทไหน และที่สำคัญคือตัวเราจะต้องถามตัวเองก่อนว่า เรามีความเหมาะสมกับงานหรือทุนนั้นจริงหรือไม่ เราชอบงานในตำแหน่งนั้นจริงหรือเปล่า และในฐานะกรรมการ คิดว่าเขาจะเลือกเราหรือไม่ ถ้าเลือกเพราะอะไรและไม่เลือกเพราะอะไร เป็นต้น เมื่อรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ บุคลิก คำพูด และสายตา จะเต็มไปด้วยมั่นใจ ดูน่าเชื่อถือ สิ่งนี้สำคัญมากเพราะถ้าตัวเราเองยังไม่เชื่อมั่นตัวเองเลย แล้วใครจะเชื่อถือและไว้วางใจให้ตำแหน่งหรือทุนแก่เรา

2. การเตรียมตัวในรายละเอียดระหว่างการสัมภาษณ์

1. กิริยาท่าทางในระหว่างการสัมภาษณ์

ก้าวเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจ กิริยาสุภาพ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ควรหัวเราะเพราะจะเป็นการไม่สุภาพ และควรสบตาคณะกรรมการทุกท่าน หลังจากนั้นให้ตั้งจิตเจริญเมตตาขอให้คณะกรรมการให้ความเมตตาแก่เรา เห็นความสำคัญของเรา และให้ตำแหน่งหรือทุนนั้น ๆ แก่เรา

2. สำรวมกิริยา ได้แก่

- ดวงตาจะต้องมีรอยยิ้ม ใบหน้ายิ้มแย้ม และต้องสบตากับผู้พูด ทำใจให้สงบ และต้องสังเกตว่าคณะกรรมการคนใด ให้ความสนใจเราเป็นพิเศษและถามคำถามเพื่อช่วยเราทางอ้อมหรือไม่ ถ้าใช่ให้พุ่งความสนใจไปที่กรรมการคนนั้นมากเป็นพิเศษ เพราะคน ๆ นี้จะช่วยสนับสนุนเราได้ในภายหลัง

- ตั้งใจฟังทุก ๆ คำพูด อย่าใจลอย และไม่ควรขอให้กรรมการช่วยทวนคำถามซ้ำอีกครั้ง นอกเสียจากว่าคำถามนั้นยากจริง ๆ เราจำเป็นจะต้องถ่วงเวลาเพื่อคิดหาคำตอบโดยการให้อีกฝ่ายทวนคำถาม แต่วิธีนี้ใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะถ้าใช้บ่อยครั้งจนเกินไปจะทำให้เสียบุคลิกภาพ นอกจากนั้น ในขณะที่พูดจะต้องไม่ลืมที่จะพูดทีละคำ ฟังทีละเสียง และคำพูดทุก ๆ คำจะต้องออกมาจากความรู้สึกล้วน ๆ (Speak from your heart , not your head) คำพูดจึงจะน่าฟัง และมีพลังโน้มน้าวจิตใจคนได้

- หายใจลึก ๆ เวลาเครียดให้หายใจลึก ๆ จิตใจจึงจะสงบ

- พูดแต่สิ่งที่สร้างสรรค์ พูดแต่สิ่งที่ดี และพูดจามีเหตุมีผล ดังนั้น ในชีวิตประจำวัน เราจะต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนที่คิดดี พูดดี ทำดี และฝึกเป็นคนมีเหตุมีผลไม่ใช้อารมณ์เป็นหลัก จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของนิสัยของเรา เมื่อสอบสัมภาษณ์สิ่งต่าง ๆ ที่ดีก็จะออกมาเองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องเสแสร้งหรือแกล้งทำ

- รู้เนื้อรู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรอยู่ และห้ามแสดงกิริยาก้าวร้าวหรืออวดดี โดยเด็ดขาด

3. พูดโน้มน้าวจิตใจคนฟัง

1. พูดเชื่อมโยงคุณสมบัติของเราเข้ากับผลประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับหรือเราสามารถสร้างประโยชน์อะไรให้กับองค์กรได้บ้าง หากได้รับตำแหน่งหรือทุนดังกล่าว

2. ลองถามตัวเองว่ามีจุดไหนที่เขาจะสงสัยในความสามารถของ เราบ้าง ให้เตรียมตอบคำถามตรงจุดนั้นไปก่อน หรือในกรณีที่เขาสงสัยว่าเราจะทำงานกับองค์กรได้จริงหรือไม่ โดยเขาอาจจะพาเราไปตามแผนกต่างๆ เพื่อดูการตอบรับจากพนักงานหรือหัวหน้าของแต่ละแผนก ในกรณีนี้เราควรแสดงความมีมนุษยสัมพันธ์อันดีและพูดจา ยิ้มแย้มแจ่มใส

3. พูดให้เกียรติองค์กรหรือสถาบันนั้น ๆ ซึ่งเราจะพูดได้นั้น เราจะต้องรู้ซึ้งถึงผลงานหรือความสำคัญขององค์กรนั้นก่อนเป็นอย่างดี

4. พูดมีหลักการและหนักแน่นด้วยเหตุผล แต่แสดงออกด้วยน้ำเสียงและกิริยาท่าทางที่แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน

5. จดจำและนำคำคมต่าง ๆ มาพูดเพื่อสร้างความประทับใจแก่คณะกรรมการ ตัวอย่างคำคมดังกล่าว ได้แก่ "There is nothing that perseverance cannot win : ไม่มีสิ่งใด ๆ ในโลกที่จะเป็นไปไม่ได้ หากเรามีความบากบั่นและพยายาม" คำคมเหล่านี้จะหาได้จากการอ่านหนังสือมาก ๆ นั่นเอง

6. แสดงให้กรรมการเห็นถึงความกระตือรือร้นและรู้จักศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา

7. พูดกล่าวถึงหลักการสากลที่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมและศีลธรรมจรรยา เช่น การทำงานเป็นทีม ความกตัญญูกตเวทีต่อองค์กร และความซื่อสัตย์สุจริต เป็นต้น

Three Key Survival Skills for New Business Owners

The first year of a new business is the toughest. It's the make-it-or-break-it year. The challenges a new business owner faces on a daily basis require three key survival skills: self-reliance, self-direction, and resilience. No matter how brilliant the business idea, without these three skills entrepreneurs risk failure.
  • Self-Reliance

It's a fact of life that every small business owner wears many hats to fill all functions: operations, sales, marketing, finance, human resources-even janitor and chief coffee-maker when needed. Unlike life in corporate America, where each employee has a specialized area of expertise, a new business owner must excel in all of the disciplines required to keep a small business running smoothly. The revenue drain of hiring employees can spell disaster for struggling new businesses.

Self-reliance means more than wearing many hats. It also means depending on self for motivation, discipline and decision making and accountability. The true entrepreneur doesn't need a cheering squad to keep going. The self-reliant business owner is highly skilled at "picking himself up by the boot straps." Without that all-important sense of self-reliance, critical decisions will be delayed and opportunities will be missed.

If you find yourself lacking self-reliance, do a total skills inventory to identify the gap that is holding your business back from prospering to your expectations. Rate yourself on a scale of one to four on each skill needed to run your business. Identifying which skills you are deficient in is the first step toward getting help to solve the problem.

  • Self-Direction

One of the toughest challenges for new business owners is strategic planning: the ability to plan for multiple contingencies to reduce risk of failure. The self-directed entrepreneur analyzes market conditions to anticipate setbacks and defines alternative revenue sources to avoid costly earnings slumps.

Equally important, the self-directed business owner should be efficient in executing daily, weekly and monthly activities crucial to maintaining a continual sales pipeline and revenue stream. A successful entrepreneur needs no supervisor to keep him on track.

Unfortunately, not many people excel at both strategic planning and day-to-day tactical efforts. If you are an entrepreneur who gravitates to "the big picture," daily and weekly task lists will help keep you on track toward your revenue goals. Invest in tools to minimize your busy work so that important data like customer contact information can be easily accessed, yet maintained with minimal effort.

On the flip side, highly detail-oriented business owners without a strategic plan suffer from lack of direction. Make time at least quarterly to consider questions like: "What could I do long-term to improve the efficiency of my operations?" or "What could I be doing differently to attract the kind of customers I prefer?"

  • Resiliency

While it is often true that persistence pays off, resiliency is a more essential skill to new business owners. Resiliency is the ability to change direction when needed. It is the 'bounce back" effect that is truly necessary to avoid business failure.

In business, change is constant:

* Economic conditions can reduce consumer spending

* Shifts in consumer tastes make your product out-of-date

* Improvements in technology make your inventory obsolete

Any or all of these things can mean increased competition and loss of market share for your business. You have to be prepared to deal with them--before they happen.

Those who lack resiliency fall victim to self doubt that all too often means the end of a promising new business. To increase resiliency, practice the old-fashioned skill of "getting back on the horse." When things don't work out as planned, do not stop to anguish over the situation. Immediately consider the best alternative actions to take. Take action as soon as possible. Even a less-than-perfect action plan will get you moving in a positive direction and avoid the stall of self doubt and despair.

A new business owner who builds up his or her self-reliance, self-direction and resiliency will greatly increase the odds of surviving that first year in business. And after the first year, your survival skills will ensure that you are well on your way to many more years of success. credit by Deborah Walker