กุญแจแห่งความสุข

สรุปประเด็นจากหนังสือ The Conquest of Happiness แต่งโดย Bertrand Russell

สาเหตุแห่งความทุกข์ 7 ประการ
1.
ทุกข์ที่เกิดจากการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
2.
ทุกข์ที่เกิดจากความเบื่อหน่ายในชีวิต ส่วนใหญ่เกิดในกลุ่มผู้มีฐานะดี สาเหตุที่เบื่อหน่ายก็เนื่องจากไม่มีความบันเทิงใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตมากเท่าที่ต้องการ ทำให้ชีวิตเหงาหงอย และขาดพลังชีวิต
3.
ทุกข์ที่เกิดจากความเหนื่อยอ่อน คือเหนื่อยใจ มิใช่การเหนื่อยกาย ที่เหนื่อยใจเนื่องจาก ไม่รู้จักการแบ่งแยกว่าเรื่องใดควรคิดในเวลาใด เช่นทำงานอยู่อย่างหนึ่งกลับคิดถึงอีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ทำอยู่ เป็นต้น
4.
ทุกข์ที่เกิดจากการอิจฉาริษยา มักเกิดกับเด็กที่เติบโตมาโดยไม่ได้รับความรักความอบอุ่นเท่าที่ควร
5.
ทุกข์ที่เกิดจากความรู้สึกว่าตนเองทำผิดตลอดเวลา คือคิดถึงแต่อดีตที่ผิดพลาด
6.
ทุกข์ที่เกิดจากวิตกจริต คือจิตที่คิดฟุ้งซ่าน คิดเกิน คิดขาด และมองโลกไม่ตรงตามความเป็นจริง
7.
ทุกข์ที่เกิดจากความกลัว กลัวว่าคนอื่นจะไม่ยอมรับ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ

4 วิธีการเพื่อชีวิตที่มีความสุข
1. มีความกระตือรือร้น (Zest) คนที่มีบุคลิกกระฉับกระเฉง กระตือรือร้น แสดงว่าคนๆ นั้นค่อนข้างมีความสุข เนื่องจากความกระตือรือร้นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงสภาวะจิต ว่าในจิตนั้นมีเรื่องที่เขาอยากรู้อยากเห็น และอยากศึกษาอีกมากมาย คนเหล่านี้เมื่อเจอปัญหามักจะไม่ย่อท้อ เพราะจากการที่เขาสนใจเรื่องต่างๆ หลายด้าน ทำให้มีทักษะในการแก้ปัญหามากกว่าคนอื่นๆ และมองปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา จิตของคนที่มีเรื่องที่เขาสนใจนั้นไม่ต่างไปจากจิตของแมวที่จ้องจะจับหนู คือเป็นจิตที่มีพลังชีวิต มีอารมณ์ มีความรู้สึก ทั้งนี้คนที่จะมีความกระตือรือร้นได้จะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะกายกับจิตนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรง จึงจะมีพลังชีวิตได้ ผู้เขียนกล่าวไว้ว่า Energy ของความกระตือรือร้นนั้นมีมากกว่า Energy ที่คนๆ หนึ่งทุ่มเทให้กับงานงานหนึ่งด้วยซ้ำเพราะความกระตือรือร้นเป็นพลังขับเคลื่อนที่คิดว่าตนเองมีค่า ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่สุดคือ ความกระตือรือร้นที่ก่อให้เกิดพลังชีวิตนั้นต้องไม่ได้เกิดขึ้นจากการหลบหนีปัญหาอย่างหนึ่ง แล้วแกล้งทำเป็น Active ในอีกเรื่องหนึ่งเพราะการเป็นเช่นนี้จะเรียกว่า จิตหลอกจิต ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดพลังชีวิตอย่างแท้จริง
2. รู้จักคำว่า ความรัก (Affection) ความรักในที่นี้คือ การให้ความรักแบบไม่หวังผลตอบแทน น้ำใจไมตรีที่ท่านให้กับผู้อื่นโดยหวังผลตอบแทนนั้น เป็นความคิดที่ไม่มีพลังในตัวเอง แต่ถ้าท่านให้ความรักกับผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแล้วไซร้ ผู้ที่ได้รับก็จะเกิดความรู้สึกซาบซึ้งในตัวท่าน ซึ่งจะทำให้ท่านเกิดพลังชีวิต ผู้เขียนได้ให้แง่คิดที่น่าสนใจว่าการจะรักและช่วยคนใดนั้น ควรช่วยคนที่มีสภาวะปกติ ไม่ใช่ช่วยคนที่กำลังเดือดร้อน เพราะการช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนนั้นจะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเราเป็น Hero ทำให้ความเป็นตัวกูของกูมีมากขึ้น
ดังนั้นการจะแสดงความรักกับใคร ให้แสดงอย่างจริงจัง และเพียรพยายาม ต้องจริงใจ และจริงจังกับอีกฝั่งหนึ่งโดยไม่หวังว่าเขาจะให้ความรักตอบกับเรา
3. ทำงาน (Work) การทำงานจะนำมาซึ่งความสุข คนที่ไม่มีงานทำจะเหงาหงอย โดยธรรมชาติของมนุษย์อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้เกิดพลังชีวิต บรรดาลูกคนรวยที่วันๆ ไม่ต้องทำอะไรนั้นพวกเขาจะไม่มีความทะเยอทะยานมากนัก เขาจะไม่มีจุดมุ่งหมาย แต่จะมีชีวิตอยู่เพื่อแสวงหาความสุข ในขณะเดียวกันก็มักจะมีคำว่าเบื่อออกมาจากปากเขาตลอดเวลา ผู้เขียนให้แง่คิดว่าคนที่มีงานทำแม้จะไม่รวยมากนักแต่ก็มีพลังชีวิต เพราะสำหรับคนทำงานแล้ว วันหยุดจะเป็นวันที่มีค่ามากสำหรับเขา คนที่มีงานทำจึงจะรู้ค่าของวันหยุด คนที่ไม่มีงานทำจะทำให้เกิดความขี้เกียจ และความเบื่อหน่ายในชีวิตก็จะตามมา
งานใดๆ ก็ตามที่เป็นงานสร้างสรรค์ และสามารถทำให้ความฝันซึ่งเป็นนามธรรมกลายเป็นรูปธรรมได้นั้น จะทำให้เราเกิดความชื่นชมในฝีมือเราเอง และทำให้เรามีความสุขในการทำงาน พลังชีวิตก็เกิดขึ้น
การทำงานให้มีความสุขที่สุดคือการเป็นนายตัวเอง คือมีธุรกิจของตนเอง ให้เรารับผิดชอบเอง 100% แต่ทั้งนี้การทำงานก็ต้องเริ่มจากการทำงานเล็กๆ ก่อน ต้องเริ่มจากการเป็นลูกจ้างก่อนเพื่อเรียนรู้ระบบ
4. มีความรักให้กันภายในครอบครัว (Family) พลังขับเคลื่อนสูงสุดที่สามารถทะลายปัญหาต่างๆ และทำให้เราเข้มแข็งขึ้นได้ก็คือ พลังความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก และพลังความรักที่ลูกมีตอบให้พ่อแม่ เนื่องจากความรักในครอบครัวเป็นความรักที่มีมากและเข้มข้นที่สุด และความรักในครอบครัวนี่เองที่มีพลังขับเคลื่อนมหาศาล แต่ทั้งนี้ความรักที่พ่อแม่ให้ลูกนั้น ลูกจะต้องรับรู้และปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ตอบ แล้วพลังชีวิตจึงจะเกิดขึ้น คนในครอบครัวต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันแล้วก็จะทำให้ความรุนแรงในการโต้เถียงกันภายในครอบครัวลดน้อยลง


Three Key Survival Skills for New Business Owners

The first year of a new business is the toughest. It's the make-it-or-break-it year. The challenges a new business owner faces on a daily basis require three key survival skills: self-reliance, self-direction, and resilience. No matter how brilliant the business idea, without these three skills entrepreneurs risk failure.
  • Self-Reliance

It's a fact of life that every small business owner wears many hats to fill all functions: operations, sales, marketing, finance, human resources-even janitor and chief coffee-maker when needed. Unlike life in corporate America, where each employee has a specialized area of expertise, a new business owner must excel in all of the disciplines required to keep a small business running smoothly. The revenue drain of hiring employees can spell disaster for struggling new businesses.

Self-reliance means more than wearing many hats. It also means depending on self for motivation, discipline and decision making and accountability. The true entrepreneur doesn't need a cheering squad to keep going. The self-reliant business owner is highly skilled at "picking himself up by the boot straps." Without that all-important sense of self-reliance, critical decisions will be delayed and opportunities will be missed.

If you find yourself lacking self-reliance, do a total skills inventory to identify the gap that is holding your business back from prospering to your expectations. Rate yourself on a scale of one to four on each skill needed to run your business. Identifying which skills you are deficient in is the first step toward getting help to solve the problem.

  • Self-Direction

One of the toughest challenges for new business owners is strategic planning: the ability to plan for multiple contingencies to reduce risk of failure. The self-directed entrepreneur analyzes market conditions to anticipate setbacks and defines alternative revenue sources to avoid costly earnings slumps.

Equally important, the self-directed business owner should be efficient in executing daily, weekly and monthly activities crucial to maintaining a continual sales pipeline and revenue stream. A successful entrepreneur needs no supervisor to keep him on track.

Unfortunately, not many people excel at both strategic planning and day-to-day tactical efforts. If you are an entrepreneur who gravitates to "the big picture," daily and weekly task lists will help keep you on track toward your revenue goals. Invest in tools to minimize your busy work so that important data like customer contact information can be easily accessed, yet maintained with minimal effort.

On the flip side, highly detail-oriented business owners without a strategic plan suffer from lack of direction. Make time at least quarterly to consider questions like: "What could I do long-term to improve the efficiency of my operations?" or "What could I be doing differently to attract the kind of customers I prefer?"

  • Resiliency

While it is often true that persistence pays off, resiliency is a more essential skill to new business owners. Resiliency is the ability to change direction when needed. It is the 'bounce back" effect that is truly necessary to avoid business failure.

In business, change is constant:

* Economic conditions can reduce consumer spending

* Shifts in consumer tastes make your product out-of-date

* Improvements in technology make your inventory obsolete

Any or all of these things can mean increased competition and loss of market share for your business. You have to be prepared to deal with them--before they happen.

Those who lack resiliency fall victim to self doubt that all too often means the end of a promising new business. To increase resiliency, practice the old-fashioned skill of "getting back on the horse." When things don't work out as planned, do not stop to anguish over the situation. Immediately consider the best alternative actions to take. Take action as soon as possible. Even a less-than-perfect action plan will get you moving in a positive direction and avoid the stall of self doubt and despair.

A new business owner who builds up his or her self-reliance, self-direction and resiliency will greatly increase the odds of surviving that first year in business. And after the first year, your survival skills will ensure that you are well on your way to many more years of success. credit by Deborah Walker