ทางลัดสู่ความก้าวหน้าและความสบายใจในที่ทำงาน

คนที่จะทำงานอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จจะต้องรู้จักการบริหารงาน บริหารคน และบริหารตนเอง ซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. การบริหารงาน ในที่นี้คือความสามารถในการทำงานให้กับองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะต้องประกอบด้วย
1)
มีความจงรักภักดีต่อองค์กร
-
ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างสุดความสามารถ สร้างผลงานและผลกำไรให้กับองค์กรอย่างเต็มที่
-
มีคุณธรรมและจริยธรรม มีความรักและภูมิใจในองค์กรของตนเอง สำรวมคำพูดและการกระทำทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่นินทาว่าร้ายหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และลูกค้า
2)
เป็นหูเป็นตาให้กับองค์กรและรู้จักเสนอความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น
3)
มีนิสัยทำงานเกินเงินเดือน

2. การบริหารคน ในที่นี้ได้แก่ หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และลูกค้า
1)
ต้องรู้จริตของฝ่ายตรงข้าม จริตของมนุษย์มีทั้งหมด 6 ประเภท ดังนี้
-
ราคะจริต คนจริตนี้จะมีความละเอียดอ่อน พูดจาไพเราะ ดังนั้น หัวหน้าประเภทนี้จะชอบผลงานที่ละเอียดรอบคอบ มีรูปแบบที่สวยงาม และวิธีการนำเสนอจะต้องนิ่มนวล สุภาพ ไพเราะน่าฟัง
-
โทสะจริต หัวหน้าประเภทนี้จะใจร้อน มีระเบียบวินัยสูง ผลงานที่เสนอจะต้องตรงประเด็น และเสร็จตามเวลาที่กำหนด
-
โมหะจริต หัวหน้าประเภทนี้จะเฉย ๆ ไม่เรียกร้องอะไรมากนัก ดังนั้น ในฐานะลูกน้องเราควรจะเตรียมประเด็นทั้งหมดไปให้พร้อมและเสนอให้ท่านเป็นคนเลือกเอง
-
วิตกจริต หัวหน้าประเภทนี้จะพูดไม่หยุด สั่งงานมากมายไม่หยุดหย่อน ชอบจับผิดและดูถูกความสามารถของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เจอหัวหน้าประเภทนี้ต้องระวังคำพูด พูดให้น้อยเข้าไว้ อย่าไปใส่ใจคำพูดของท่านมากนัก และให้ท่านสั่งงานเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานเพราะหัวหน้าประเภทนี้มักชอบกลับคำ เปลี่ยนจุดยืนอยู่ตลอดเวลา และมักจะมองเห็นผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก
-
ศรัทธาจริต หัวหน้าประเภทนี้จะชอบลูกน้องที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับองค์กรและมีส่วนรวมกับองค์กรอยู่ตลอดเวลา
-
พุทธิจริต หัวหน้าประเภทนี้จะเป็นคนมีเหตุมีผล มีความเมตตากรุณา มีความเป็นผู้นำ ใจกว้าง ใครมีหัวหน้าประเภทพุทธิจริตถือว่าโชคดีมาก ควรทำงานอยู่กับท่านนาน ๆ ดูดซับความรู้ ปัญญา และคุณธรรมจากท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ การที่เรารู้จริตของอีกฝ่ายจะทำให้เราเข้าใจในความคิด คำพูด และการกระทำของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง เมื่อมีการสื่อความอีกฝ่ายหนึ่งจะรู้สึกว่าเรามีความเข้าใจ มีความจริงใจ และให้ความไว้เนื้อเชื่อใจเรา
2)
มี EQ.
- มีสติรู้เนื้อรู้ตัว (Self-awareness) ในที่นี้คือการรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ พูดอะไรอยู่ และผลที่จะตามมาคืออะไร นอกจากนั้น ยังรวมถึงการรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ด้วยเช่น รู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร มีความถนัดในเรื่องอะไรบ้าง มีจุดอ่อนจุดแข็งตรงไหน มีอะไรเป็นคุณธรรมประจำใจ และมีเป้าหมายอะไรในชีวิต เป็นต้น เมื่อเรารู้จักตนเองอย่างถ่องแท้จึงจะสามารถเลือกทำงานตามที่เราชอบและถนัดได้จึงจะมีความสุขในการทำงาน เมื่อเจออุปสรรคก็ไม่ย่อท้อเพราะเป็นงานที่เรารัก เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่น้อยเนื้อต่ำใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนั้นเป็นจุดอ่อนของเราที่กำลังปรับปรุงแก้ไข หรือเมื่อได้รับคำชมก็จะไม่เหลิงจนลืมตัวเพราะรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนั้นเป็นจุดแข็งของเรา
-
รู้จักควบคุมอารมณ์ตนเอง (Self-control) ต้องระมัดระวังอย่าขาดสติระเบิดอารมณ์ใส่ผู้อื่นโดยเด็ดขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์โกรธเพราะจะทำให้ความดีทุกอย่างที่เคยสั่งสมมาถูกทำลายไปจนหมดสิ้น หรือแม้แต่อารมณ์ดีใจก็ควรอยู่ในระดับพอดีเพราะถ้าอยู่ในฐานะหัวหน้าแล้วดีใจจนออกนอกหน้าจะทำให้ลูกน้องหมดความนับถือได้ ดังนั้น การแสดงอารมณ์ใด ๆ ก็ตามควรอยู่ในความพอดี
-
มีพลังในการกระตุ้นเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา (Self-motivation)
คิดในแง่บวก มองโลกในแง่ดี มีความกระตือรือร้นในการทำงาน มีเป้าหมายในชีวิต รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน มีความเชื่ยวชาญในงานที่ตัวเองทำ และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
-
มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy) มีความเมตตาต่อผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา
-
มีมนุษย์สัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น(Social skills) ผูกมิตรและอย่าสร้างศัตรู
3)
มีการทำงานเป็นทีม
หัวหน้าทีมต้องรู้จักเลือกบุคลากรตั้งแต่สองคนขึ้นไปมาทำงานร่วมกัน โดยแต่ละคนควรจะมีความสามารถในหลาย ๆ ด้านเพื่อให้เกิดความคิดเห็นที่หลากหลาย การทำงานเป็นทีมจะประสบความสำเร็จได้นั้น ทุกคนในทีมจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.
มีเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อความเจริญรุ่งเรืองขององค์กร
2.
มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน
3.
เข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี เป็นผู้ฟังที่ดี ใจกว้างยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่น มีสติรู้เนื้อรู้ตัวว่าตนเองกำลังพูดอะไร และพูดไปเพื่ออะไร ต้องรู้จักพูดทีละคำฟังทีละเสียง
หัวหน้าทีมจะต้องทำหน้าที่ ดังต่อไปนี้
1.
กระตุ้นทุกคนในทีมให้แสดงความคิดเห็นออกมา
2.
ดึงเนื้อหากลับเข้าสู่ประเด็น
3.
ไกล่เกลี่ยเมื่อเกิดข้อขัดแย้ง
4.
ตั้งคำถามที่ดีเพื่อดึงความรู้ของแต่ละคนออกมาและนำมารวบรวมและสกัดออกมาเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ดีที่สุด

3. การบริหารตนเอง
-
ตั้งเป้าหมายในแต่ละวันให้แน่ชัดว่าวันนี้จะทำสิ่งใดบ้างที่เกิดประโยชน์ต่อองค์กร ไม่ต้องมากชิ้นแต่ให้เน้นที่คุณภาพและสามารถทำได้จริง
-
มีแผนการชัดเจนในการจะทำเป้าหมายให้ประสบผลสำเร็จ
-
รู้จักพักจิต ทำจิตให้สงบเพื่อสร้างพลังชีวิตให้กับตนเองเช่น การสวดมนต์ ทำสมาธิ และมองโลกในแง่ดี คิดดี พูดดี ทำดี

Three Key Survival Skills for New Business Owners

The first year of a new business is the toughest. It's the make-it-or-break-it year. The challenges a new business owner faces on a daily basis require three key survival skills: self-reliance, self-direction, and resilience. No matter how brilliant the business idea, without these three skills entrepreneurs risk failure.
  • Self-Reliance

It's a fact of life that every small business owner wears many hats to fill all functions: operations, sales, marketing, finance, human resources-even janitor and chief coffee-maker when needed. Unlike life in corporate America, where each employee has a specialized area of expertise, a new business owner must excel in all of the disciplines required to keep a small business running smoothly. The revenue drain of hiring employees can spell disaster for struggling new businesses.

Self-reliance means more than wearing many hats. It also means depending on self for motivation, discipline and decision making and accountability. The true entrepreneur doesn't need a cheering squad to keep going. The self-reliant business owner is highly skilled at "picking himself up by the boot straps." Without that all-important sense of self-reliance, critical decisions will be delayed and opportunities will be missed.

If you find yourself lacking self-reliance, do a total skills inventory to identify the gap that is holding your business back from prospering to your expectations. Rate yourself on a scale of one to four on each skill needed to run your business. Identifying which skills you are deficient in is the first step toward getting help to solve the problem.

  • Self-Direction

One of the toughest challenges for new business owners is strategic planning: the ability to plan for multiple contingencies to reduce risk of failure. The self-directed entrepreneur analyzes market conditions to anticipate setbacks and defines alternative revenue sources to avoid costly earnings slumps.

Equally important, the self-directed business owner should be efficient in executing daily, weekly and monthly activities crucial to maintaining a continual sales pipeline and revenue stream. A successful entrepreneur needs no supervisor to keep him on track.

Unfortunately, not many people excel at both strategic planning and day-to-day tactical efforts. If you are an entrepreneur who gravitates to "the big picture," daily and weekly task lists will help keep you on track toward your revenue goals. Invest in tools to minimize your busy work so that important data like customer contact information can be easily accessed, yet maintained with minimal effort.

On the flip side, highly detail-oriented business owners without a strategic plan suffer from lack of direction. Make time at least quarterly to consider questions like: "What could I do long-term to improve the efficiency of my operations?" or "What could I be doing differently to attract the kind of customers I prefer?"

  • Resiliency

While it is often true that persistence pays off, resiliency is a more essential skill to new business owners. Resiliency is the ability to change direction when needed. It is the 'bounce back" effect that is truly necessary to avoid business failure.

In business, change is constant:

* Economic conditions can reduce consumer spending

* Shifts in consumer tastes make your product out-of-date

* Improvements in technology make your inventory obsolete

Any or all of these things can mean increased competition and loss of market share for your business. You have to be prepared to deal with them--before they happen.

Those who lack resiliency fall victim to self doubt that all too often means the end of a promising new business. To increase resiliency, practice the old-fashioned skill of "getting back on the horse." When things don't work out as planned, do not stop to anguish over the situation. Immediately consider the best alternative actions to take. Take action as soon as possible. Even a less-than-perfect action plan will get you moving in a positive direction and avoid the stall of self doubt and despair.

A new business owner who builds up his or her self-reliance, self-direction and resiliency will greatly increase the odds of surviving that first year in business. And after the first year, your survival skills will ensure that you are well on your way to many more years of success. credit by Deborah Walker